วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ฟื้นฝอยหาตะเข็บ กับ series "The Mentalist" ก๊าบบบ ^^

กลับมาอัพใหม่ กับการมาฝอยเรื่องซีรีย์ฝรั่งเรื่องใหม่ (ที่ได้ดู) ครับ

นั่นคือเรื่อง "The Mentalist" (men - tae - list) "เจาะจิตผ่าปริศนา" ที่กำลังฉาย season 3 นั่นเองแหละ แง่มๆ ...




ออกตัวล้อฟรีเลยว่าแอดมินเองไม่ได้ติดตามดูพวกซีรีย์เรื่องอื่นๆเท่าไหร่นักหรอก อาศัยคนนั้นคนนี้แนะนำหรือถูกใจนางเอก (ก๊าก...) หรือหลวมตัวไปดูซะตอนนึงก่อนนั่นแหละ ถึงจะมาติดตามดูกับเค้า

จะบอกว่าแอดมินเป็นแฟนเหนียวหนึบของ Gossip Girl ด้วยนะจะบอก

ว่ากันว่าผู้ชายที่ดู GG. เนี่ย ไม่เป็นเกย์ก็แอ๊บแมนนะที่จะมาดู

แอดมินจะบอกว่า พวกเอ็งเอาตรรกะไหนมาคิดกันแว๊ ..... คนเราไม่ว่าเรื่องไหน ลองได้ดูสักตอนสองตอนแรก มันก็ต้องติดบ้างอะไรบ้างแหละ หนังพวกนี้เค้าก็ต้องทำให้คนดูต้องติดต้องลุ้นต่ออยู่แล้ว แถมต้องมีรีเสริชมาก่อนด้วยเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าและตลาด ไม่งั้นพวกแม่ค้าที่ติดละครหลังข่าวก็ดูกันแค่เรื่องแรกเรื่องเดียวสิ จะมาติดอะไรกันทุกเรื่องที่ฉายล่ะ ชิมิ

มีโอกาสได้ดูเรื่องนี้แล้วต้องขอบอกว่า สนุก มว๊ากกกกกกกก .... ใครที่ "เบื่อ" ละครแนวสืบสวนที่เน้นเทคนิคการพิสูจน์ หลักฐานแบบ CSI / The Closer แนะนำว่ามาดูเรื่องนี้ได้เลยครับ ยิ่งถ้าชอบดูสไตล์ House เรื่องนี้ไม่ผิดหวัง

แนวการสืบสวนของเรื่องนี้จะเน้นแนวจิตวิทยาวิเคราะห์แบบ Profileing เสียมากกว่า

 อาจเป็นเพราะว่าแอดมินได้เรียนจิตวิทยาด้วยเลยทำให้ดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าเข้าใจสิ่งที่ตัวหนังเขาสื่อและตามเขาทันบ้างอะไรบ้าง  (เพราะเรื่องอื่นนี่ถึงขั้นโง่มาก 555+)

เรื่องนี้เป็นเรื่องของ Patrick Jane ที่เป็น"นักควบคุมจิต" ในหนังบอกไว้ว่าเป็น "ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุม บังคับจิตใจคน ให้กระทำในสิ่งที่ต้องการ " (แต่พอดูๆไปแล้วจะรู้ได้ว่าตัวเอกนี่ถนัดในการ "แปล" ภาษาทางร่ายกายของคนเราที่แสดงออกมาโดยที่ไม่รู้สึกตัว ในสถานการณ์ต่างๆมากกว่า) นำแสดงโดย Simon Baker (ซึ่งแอดมินว่าเป็นดาราฝรั่งที่หน้าตาท่าทางเหมาะกับเรื่องนี้โพดๆ คนแคสติ้งน่าจะคิดไว้ตั้งกะทีแรกแล้วว่าต้องเป็นตาคนนี้แหละ !!)




โดยเรื่องนี้จะโฟกัสไปที่ตัวของ Patrick Jane กับการตามล่าฆาตกรต่อเนื่องที่ชื่อว่า Red John โดย Jane นั้นเป็นที่ปรึกษาอิสระให้กับหน่วยงานสืบสวนประจำรัฐแคลิฟอร์เนียชื่อว่า CBI (California Bureau Investigation) ซึ่งในปัจจุบัน หน่วยงานนี้ไม่มีแล้ว โดยมีหัวหน้าทีมคือ Teresa Lisbon แสดงโดย Robin Tunney



นักแสดงประกอบมีอีกครับในทีมสืบสวนของทีมพระเอก นั่นคือนักสืบ Kimball Cho (แสดงโดย Tim Kang) นักสืบ Wayne Rigsby (แสดงโดย Owain Yeoman) และ นักสืบ Grace Van Pelt (แสดงโดย Amanda Righetti)




การดำเนินเรื่องจะเป็นสไตล์จบในตอน แต่จะค่อยๆมีเรื่องของ Red John มาแซมบ้างบางตอน  ดูง่าย น่าติดตาม มีเรื่องราวของตัวละครหลักๆเผยออกมาทีละนิดเรื่อย ๆ โดยเน้นไปที่การสืบสวนแบบนอกกฎเกณฑ์ และการใช้แผนตลบหลังกับผู้ต้องหาในแต่ละตอนของพระเอก

จากที่ดูเนี่ย แอดมินรู้สึกว่าพระเอกนี่มัน....ช่างเลือดเย็น ไร้อารมณ์ แถมซาดิสม์ พอสมควรเลยล่ะ เพราะหลายๆครั้งที่มันจะจับคนร้ายทีนึง จะต้องมีการใช้แผนอุบายปรักปรำหรือใส่ร้ายคนที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็น "เหยื่อ" ล่อให้คนร้ายตัวจริงเปิดเผยตัวออกมา โดยที่ไม่คิดถึงว่าอีเหยื่อที่มันกุเรื่องขึ้นมาแหกตาชาวบ้านเนี่ย มันจะรู้สึกรู้สาหรือมีผลกระทบอะไรกะคนรอบข้างมั่งมั๊ย



มีตัวละครหนึ่งในเรื่องที่แอดมินสนใจมากๆเลย นั่นคือตัวฆาตกรเทพ Red John ครับ

Red John ในเรื่องเป็นฆาตกรต่อเนื่อง และเป็นต้นเหตุที่ทำให้พระเอกต้องมาตามล่าเขา (จะว่าไปก็อีตาพระเอกเองตะหากที่ไปแหย่จมูกเสือเข้า อยู่ดีไม่ว่าดี...)

โดยก่อนหน้าที่ Jane จะมาเป็นที่ปรึกษาให้กับ CBI อย่างเต็มตัวนั้น Jane มีอาชีพเป็นนักเข้าทรง (ปลอมๆ โดยการใช้เทคนิคการสังเกตและจิตวิทยาขั้นเทพหลอกแดกชาวบ้านชาวช่อง) แต่มีอยู่วันหนึ่งขณะอัดรายการโทรทัศน์ทีเกี่ยวกับ Red John อยู่ Jane ได้พูดเยาะเย้ย Red John ออกอากาศไป .... หลังจากนั้นก็ได้เรื่อง

เมื่อ Jane กลับถึงบ้าน พบว่า Red John ได้ฆาตรกรรมภรรยาและลูกของเขาไปแล้ว ด้วยเหตุผลที่ไปเย้ยเขาออกทีวีนั่นแล

(แอดมินโคตรสมน้ำหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนให้เวลาคนเราเคืองอะไรใครมาแล้วจะมีสิทธิ์ไปฆ่าไปแกงเขานะครับ !!!!)

Red John เป็น Sereal Killer ที่มีเสน่ห์นะครับ ถึงแม้ผลงานพี่แกจะออกแนวโหดเหี้ยมไปหน่อย แต่ปนด้วยสุนทรียศิลป์ระดับขั้นเทพเลยทีเดียว (ไม่ได้ชมนะ)

เหยื่อจะถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม บางรายก็ทรมานก่อนตายแต่บางรายก็ไม่  มีการชำแหละเอาอวัยวะภายในออกมาประดับบ้าง เอาเลือดมาทาเป็นสีเล็บบ้าง แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของแกเลยคือ แกจะเอาเลือดของเหยื่อมาเขียนเป็นรูปหน้ายิ้มที่ผนัง หรือไม่ก็จะทำเครื่องหมายด้วยอะไรสักอย่าง

โดยให้คนที่มาพบ เห็นเครื่องหมายการค้านี้เสียก่อน แล้วจึงเห็นเหยื่อ สร้างความพรั่นพรึงให้กับผู้ที่ตามล่าเขาได้อย่าง .... สุดๆ

Red John เก่งเทพถึงขนาดแฮกระบบข้อมูลข่าวสารของทางราชการได้ มีความสามารถในการใช้ประโยชน์จาก"ปม" ในจิตใจคน ดึงดูดจิตใจให้คล้อยตามและเป็นสาวกของเขา แทรกซึมถึงหน่วยงานของพระเอกได้เลยทีเดียวก็แล้วกันเอ้า ...เมพมั๊ยล่ะ


ตอนต้นเรื่องเราจะเห็นความเชี่ยวชาญในการหยั่งรู้จิตใจคนและการบังคับจิตใจระดับเทพของพระเอกแล้ว แต่ Red John เองก็สามารถทำได้ในระดับเดียวกัน แถมดูจะล้ำหน้าพระเอกไปก่อนก้าวหนึ่งด้วยซ้ำ
นัยว่ามีสว่างแล้วย่อมต้องมีมืด มีขาวแล้วก็ต้องมีดำมาหักล้างกัน ทั้งสองคนนับว่าเป็นคู่ต่อสู้ "ตามธรรมชาติ" ที่พอฟัดพอเหวี่ยง สมน้ำสมเนื้อกันเลยทีเดียว


น่าสนใจว่าการค้นหา ตามล่า Red John ของ Patrick Jane จะมีบทสรุปอย่างไร

ต้องติดตามดูได้ใน The Mentalist เจาะจิต ผ่าปริศนา  (แอดมินไม่ได้ขายของและไม่ได้เปอร์เซนต์หรอกนะ และที่สำคัญ ไม่สนับสนุนให้ซื้อ-ขายแผ่นผีซีดีเถื่อนจ้ะ)


                                                      "ลายเซนต์" ของ Red John


เอาเป็นว่า ฝอยกันแต่เพียงเท่านี้ก็แล้วกัน และก็ไปหามาดูซะนะ รับรองไม่ผิดหวัง

ไม่อยากจะสปอยมากไปเดี๋ยวจะหมดอรรถรสกันไปซะก่อน คราวหน้าจะลองมาวิเคราะห์ถึงตัวละครในเรื่องนี้บ้างดีกว่านะ

พบกันใหม่ครั้งหน้าครับ

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

1st Page Review And1 ME8 ฉบับส่วนตัวครับ ^^

สวัสดีตอนค่ำๆครับ ด้วยความอนุเคราะห์ของน้องชายในร่างสาว (55+) ณ กทม. ที่ไปเสาะหามาได้จากรายการลดกระหน่ำ เหมือนแจกฟรีของห้างดังย่านลาดพร้าว ที่หลายๆท่านรู้จักกันดี

และแล้วผมก็ได้คู่นี้มาครับ And1 ME8 (จากราคา 5,990 บาท ลดเหลือ 990 บาท...อุแม่เจ้า !!)

ที่วันนี้จะนำมารีวิวแบบ in my opinion ให้ดูกัน



                                                         หน้าตาของ And1 ME8

รุ่นนี้เป็น Signature shoe ของ Monta Ellis การ์ดเจ้าของเสื้อหมายเลข 8 ของทีม Golden State Warriors

ประวัติคร่าวๆ ของ Monta Ellis เกิดเมื่อ 26 ตุลาคม 1985 ที่เมือง Jackson มลรัฐ Mississippi เริ่มต้นสร้างชื่่อจากการเป็นดาราบาสเก็ตบอลระดับมัธยมปลาย ฝีมือหาตัวจับยากมากคนหนึ่ง เคยทำสถิติทำแต้มสูงสุดในหนึ่งเกมถึง 72 แต้ม

สูง 191 cm หนัก 82 kg เล่นตำแหน่ง point guard/ shooting guard

ปี 2005 ได้ถูกดราฟท์เข้าสู่วงการ NBA โดยทีม Golden State Warriors ในอันดับที่ 40 ในปีต่อมาได้รับการเลือกเข้าสู่ Rookie Challenge NBA

ปี 2007 ได้รับรางวัลผู้เล่นที่มีพัฒนาการยอดเยี่ยม Most Improved Player Award ของลีก

(ข้อมูลจาก wikipedia)



คลิปของเฮียแกครับ http://www.youtube.com/watch?v=eAdTJ-bM7qo


Monta (อ่านว่า มอนเท - Montae) มีฉายาว่า "The Mississippi Bullet" ชาวเมืองภูมิใจกันมาก เพราะแกไม่ย้ายไปไหนแถมฟอร์มดีขึ้นตลอด เลยเป็นขวัญใจชาวมิสซิสซิปปี้ไปโดยปริยาย

มาว่ากันถึงรองเท้าต่อ อย่างที่ว่าไป ว่า And1 รุ่นนี้เป็น Signature shoe ของแกครับ Monta ให้คำนิยมไว้ว่า "รองเท้ารุ่นนี้ And1 ได้ให้โอกาสผมเป็น Signature shoe มันทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่ Dr.Martin Luther King Jr. ได้หยิบยื่นโอกาสให้ผมทำตามความฝัน ทำให้ชีวิตผมมีวันนี้ได้ และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เราเชื่อและค้นหาฝันของเราตามแบบวิถีทางของเขา"

And1 บอกว่า "Signature shoe รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ออกแบบมาเฉพาะกับ Monta Ellis แม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นเหมือนเขา แต่รองเท้าคู่นี้จะช่วยยกระดับการเล่นของคุณได้ดั่ง Monta Ellis แน่นอน" แอบขำโฆษณานี้จริงๆ ^^

(ข้อมูลจาก http://www.and1.com/ )

รองเท้ารุ่นนี้ทำออกมา 7 สี (เท่าที่เห็น) ด้วยกันครับ (ดำแดง ดำเหลือง ขาวฟ้า ขาวน้ำเงิน ขาวดำ ขาวน้ำตาล และขาวล้วน)

คู่ที่ผมได้มาเป็นขาวดำครับ จริงๆแล้วอยากได้ขาวน้ำเงินมากกว่า ถูกใจสี โดยส่วนตัวผมเองชอบรองเท้ามีสีขาวๆครับ  โรคจิตไม่ใส่สีมืดๆ ใส่แล้วรู้สึกหนักๆเท้ายังไงไม่รู้ คิดว่าหลายๆคนคงเป็นเหมือนกันล่ะครับ วันไหนใส่รองเท้าที่ไม่ค่อยชอบล่ะก็ ฟอร์มในสนามก็เหี่ยวตามไปด้วย

ตอนที่น้องไปดู ปรากฎว่า สีขาวน้ำเงินขายหมดแล้ว T.T เหลือแต่ขาวล้วน กับขาวดำ เอาวะ บอกน้อง เอาขาวล้วนก็ได้ บอกไป ดันไม่มีเบอร์ที่ใส่อีก เหลือแต่ขาวดำ เอ้า ก็ยังดีวะ ดีกว่าไม่ได้เลย สวยใช้ได้ทีเดียว




จากที่นั่งพินิจพิเคราะห์แล้ว อยากบอกว่า รูปทรงของตัวรองเท้า ออกแบบมาได้สวยที่สุดในรุ่นหลังๆแล้วครับ อาจเป็นเพราะรุ่นนี้เป็นรุ่น top ของปี 2009 แล้วก็ได้ ว่ากันว่า ระยะหลังๆมานี่ And1 ออกแบบรองเท้ามาไม่โดนใจตลาดเสียเท่าไหร่นัก มักออกแบบให้พวกผู้เล่นผิวสีใส่แล้วดูดีซะมากกว่า ไม่เหมือนยุครุ่งเรืองที่มีทั้ง ไท่จี่        Tai-Chi, Devastator, Cupid (บร๊ะเจ้า ... รุ่นนี้ผมก็อยากได้มั่งอะ) ที่นับว่าเป็นตำนานของ And1 ไปแล้ว


วัสดุที่ใช้แข็งแรงดี มีการใช้หนังแก้วมาเป็นการแต่งขอบ รวมไปถึงออกแบบให้มีด้ายเส้นใหญ่ๆ มาแต่งลายเพิ่ม ดูดิบๆดีครับ


ส่วนของระบบรองรับแรงกระแทกที่บริเวณเท้า รุ่นนี้ใช้ระบบ L2G ครับ



L2G - Low to Ground เป็นระบบรองรับแรงกระแทกที่ And1 พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับแรงกระแทกส่วนเท้า โดยการอัดอากาศเข้าไปเป็น air cushion ซึ่งรองเท้ารุ่นที่นำมาใช้รุ่นแรกๆก็ L2G ตามชื่อเลยครับ

หลายคนบอกว่ามันแตกง่ายไปหน่อย ใส่ไปนานๆก็จะแตกได้ แต่ผมว่าไม่กระแทกมันแรงจริงๆ หรือคนใส่เล่นน้ำหนักตัวเกินควายจริงๆ มันก็ไม่แตกง่ายๆหรอก ส่วนใส่ไปนานๆมันก็มีสึกมีหรอบ้างตามสภาพ แต่กว่าจะสึกก็คงนานพอดู เพราะพื้นรองเท้า And1 มันถึกกว่า XDR ของ NIKE อีกนะครับพี่น้อง


วิจารณ์เอง : จากการที่เคยได้ไปสัมผัสและสอดใส่ (อุ้ยยย) มาก่อนแล้ว รู้สึกว่าตัวรองเท้าแข็งพอสมควรเลยครับ พื้น L2G ออกแนวแข็งๆมากกว่า ใส่แล้วรู้สึกจะหนักเอาการเลยทีเดียว

แต่ข้อดีคือ เวลาสวมแล้วการออกตัวหรือเปลี่ยนแนวเคลื่อนไหวเนี่ย รู้สึกกระชับติดเท้า เหมือนตระกูล T-Mac คือพื้นแข็งๆ ก็จริง แต่ให้ความรู้สึกกระชับติดเท้าเวลาเคลื่อนไหว ระบบ L2G ก็ซึมซับแรงกระแทกได้ดี ดีกว่าระบบ Bounce ของ Adidas เสียอีก แต่ถ้าจะให้ไปเทียบกับตระกูล Kobe ก็ยังห่างกันอยู่ครับ

รองเท้า And1 ที่ทำออกมาส่วนใหญ่ผมว่าเหมาะกับพื้นปูน เพราะเน้นใช้กับ Street ball เป็นหลัก จึงเน้น support การเคลื่อนที่มากกว่าการใส่กระโดดนะครับ พวกชอบทำ Cross over จะชอบมากมายเลยทีเดียวเชียว ผมเองก็สอยมาเพื่อเอาไปใส่แข่งอยู่แล้วครับและเหมาะกับตำแหน่งผมพอดี

ส่วนความสวยงามนี่ ไม่เป็นรองรุ่นไหนแน่นอน (ก็มันตัวท็อปอะเนอะ) ดีกว่ารุ่นที่ออกมาในปีเดียวกันหลายขุมครับ

คะแนนให้เลย 8/10 ครับ (มีคะแนนพิศวาส ให้เพราะลดกระหน่ำเลยนะเนี่ย) ใครที่สนใจก็มีติดไว้ซักคู่ก็ไม่เลวครับ ยิ่งตัวเจ้าของมันฟอร์มดีแบบนี้ แม้จะไม่ได้เข้า Playoff ปีที่แล้วก็เหอะ ใส่แล้วก็หล่อได้ 666+


แล้วพบกันใหม่ครับ......